Saturday, April 16, 2011

ซีรัม

ซีรัม พลาสมา เหมือนกันตรงที่ไม่มีส่วนประกอบของเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด
แต่แตกต่างกันที่พลาสมาปกติจะอยู่ในรูปของแข็งเพราะ มี องค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือดอยู่
ส่วนซีรัมนั้นปกติจะอยู่ในรูปของเหลวเพราะ ไม่มีี องค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือดอยู่
เลือดหมูที่เรารับประทานนั้นคือส่วนที่เป็นซีรัมของหมู เพราะได้จากพลาสมาที่แข็งตัวจากกลไกการแข็งตัวของเลือด จากนั้นมันจะมีแรงดันที่ทำให้มันค่อยๆปริออก และมีน้ำใสๆซึมออกมา่
น้ำใสๆส่วนนั้นแหละ คือ ซีรัม แล้วพวกเราก็เอามาต้ม โปรตีนในซีรัมก็เกิดแปลงสภาพจากความร้อนกลายเป็นเลือดหมูหยุ่นๆที่เรากินกัน
กล่าวได้ว่าซีรัมเกิดจากพลาสมาได้เหมือนกัน ซึ่งโดยปกติเราจะไม่พบพลาสมาในรูปของเหลว แต่เราสามารถรักษาสภาพมันให้เหลวได้โดยไม่ให้มันแข็งตัว ด้วยการเติมสารป้องกันการแข็งตัวของเลือดลงไปนั่น คือ เฮพาริน

--------------------------------------------------
ความหมายของPlasma ในทางโลหิตวิทยา หมายถึงส่วนของเลือดที่เป็นของเหลวทั้งหมด โดยแยกส่วนที่เป็นcells ทั้งหมดออก ซึ่งได้แก่ red blood cell, white blood cell ,
และ platelet ดังนั้นเลือดในร่างกายของเราที่กำลังไหลเวียนอยู่ก็ย่อมมีส่วนที่เป็นplasmaอยู่ด้วยและเราสามารถแยกplasmaออกจากส่วนเม็ดเลือดได้ โดยที่ยังเป็นของเหลวอยู่
เช่นเลือดที่มีผู้บริจาค คลังเลือดจะเอาไปcentrifugeแยกเอาส่วนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและplateletออก เหลือส่วนที่เป็นplasma เอาไว้ให้ผู้ป่วยที่ต้องการได้
จะเห็นว่าในplasmaยังมีสารที่สามารถทำให้เลือดแข็งตัวได้อยู่ครบ จึงให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดออกจากการขาดproteinที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้(โรคhemophilia)
ในการเก็บรักษาplasmaต้องแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำมาก น้ำในplasmaจึงแข็งตัวจากความเย็นจัด ไม่ใช่จากปฏิกิริยาการแข็งตัวของเลือด (coagulation) เราเรียกว่า Fresh Frozen Plasma(FFP)
ส่วนserum หมายถึงส่วนของเหลวของเลือดที่ได้จากการทิ้งให้เลือดเกิดการแข็งตัวแล้วเกิดการแยกตัวของส่วนที่เป็นcellsและproteinการแข็งตัว(coagulation factors)
ดังนั้นของเหลวนี้จึงไม่มีทั้งส่วนที่เป็นcellเม็ดเลือดทั้งหมาย รวมทั้งสารproteinที่ใช้ในการทำให้เลือดแข็งตัวด้วย(เพราะถูกใช้ไปหมดแล้วในกระบวนการแข็งตัวของเลือด)
ในserumจะยังคงมีพวกสารภุมิต้านทาน(antibodies)ต่างๆอยู่ ดังนั้นถ้าเราเอาserumของคนที่มีระดับantibodyสูงๆต่อสารพิษหรือเชื้อโรคบางชนิด
ก็สามารถให้กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ได้เหมือนกัน(แต่ต้องทำการตรวจความเข้ากันได้เหมือนกับการให้เลือด เพราะในserumยังมีสารanti-A,anti-Bอยู่) การแยกserum
ทำได้ง่ายๆเพียงแต่เจาะเลือดออกมา ใส่ขวดแก้วหรือหลอดแก้วสะอาดทิ้งไว้ไม่ช้าเลือดจะแข็งตัวเหมือนกับวุ้นที่แข็งตัว ตั้งทิ้งไว้ต่อไป(ถ้าอุณหภูมิห้องไม่เย็นเกินไป)
เลือดที่แข็งตัวจะหดตัวเป็นก้อนถ้าการหดตัวปกติจะเป็นก้อนทรงกระเปาะ แยกออกจากส่วนที่เป็นของเหลวสีเหลือง เราเรียกของเหลวที่ได้นี้ว่า serum

สรุปว่าplasma และserum ต่างก็เป็นของเหลว แต่ว่าplasmaยังมีพวก coagulation factors ทั้งหลายอยู่ครบ ส่วนserum
เป็นของเหลวของเลือดที่ไม่มีพวกcoagulation factorsเพราะถูกใช้ไปในกระบวนการแข็งตัวของเลือดหมดแล้ว
เลือดหมูที่เรานำมาปรุงอาหาร เป็นเลือดหมูทั้งหมดคือส่วนที่เป็นเม็ดเลือดและส่วนที่เป็นplasmaที่เกิดปฏิกิริยาการแข็งตัวของเลือดขึ้น
แต่ยังไม่เกิดภาวะclot retraction เรานำมาต้มเพื่อหยุดปฏิกิริยาclot retraction จึงได้เลือดหมูนิ่มๆมารับประทานกันเป็นที่น่าอร่อย
ถ้าทิ้งไว้จนเกิดภาวะclot retractionแล้วมันคงจะแข็งไม่น่ากินแน่
http://www.vcharkarn.com/vcafe/60736

No comments: